บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2015

นิสัยที่ก่อให้เกิดโรคเเละความเจ็บป่วย

นิสัยที่เกิดให้เกิดโรคเเละความเจ็บป่วยมีดังนี้   1.รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่  2.ดื่มนำ้น้อยเกินไป หรือ มากกว่าไป ซึ่งร่างกายเเต่ละคนจะต้องการนำ้ในปริมาณที่เเตกต่างกัน  3.คิดมาก คิดอะไรไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหมายปลายทางที่ดีเเละชัดเจนพอ  4.นอนน้อยเกินไปเเละมากเกินไป โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน  5.รับประทานตามใจปากเกินเหตุ เช่น หวานเกิน เค็มเกิน เปรี้ยวเกิน  6.ไม่ได้ออกไปไหนเลย ควรเดินสัก 15-30 นาทีต่อวันเป็นอย่างน้อยก็ยังดี  7.ได้รับสารพิษหรือพิษจากมลภาวะมากเกินไป  8.ไม่ได้ล้างมือ  9.ไม่ได้ขับถ่ายอย่างสมำ่เสมอ ทำให้มีสารพิษตกค้างในร่างกาย  10.ไม่ได้ออกกำลังกายเเม้เเต่น้อย  11.คิดเเต่เรื่องลบ ๆ เป็นประจำ  12.ละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกาย  13.ไม่ได้ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ  14.ค้นหาข้อมูลเกี่ยวสุขภาพเสมอ เพื่อจะได้ความรู้ใหม่ๆบ้าง  15.นอนหลับไม่สนิท เเค่นี้ก็น่าจะพอเเล้วล่ะ เเล้วพบกันใหม่  Thanks for reading This article is Thai Please Use Google Translate for Read English

ความเป็นจริงกับความฝัน

ความจริงคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับโลก หรือกับสิ่งต่างๆ ความฝันคือสิ่งที่เกิจากความคิดของเราซึ่งมาจากสิ่งที่เราคาดหวังหรืออยากเป็นอยู่  ว่ากันด้วยเรื่องความจริงกับความฝัน บ่อยครั้งที่เรามีความฝันที่อยากทำอยากจะเป็น เเต่ความจริงบางครั้งจะสวนทางกันก็ได้ สิ่งที่เราคิดในบางครั้งพอทำก็ล้มเหลวได้นะ คนที่มีความฝันนั้นจะมีจุดมุ่งหมายว่าเราต้องทำอย่างไรให้เกิดเป็นความจริงขึ้นมา เราได้เห็นบุคคลต่างๆมากมายในสาขาวิชาต่างๆ ได้ประสบความสำเร็จมา เเต่กว่าจะได้คงต้องใช้ความพยายามอยู่เยอะนะ ผมเชื่อว่าความฝันกับความจริงถึงเเม้มันจะอยู่ห่างกันไกลเเสนไกลมากมาย เชื่อว่าสักวันต้องมาถึงเเน่นอนถึงอย่างไรก็อย่าพึ่งคิดว่าความจริงกับความฝันมันไม่ด้วยกันไม่ได้เลย เพราะถ้าคิดอย่างนั้นแล้วชีวิตเราคงไม่มีสีสันอะไรเลย นอกจากมีเเค่หน้าที่ประจำวันเท่านั้น คนที่จะทำความฝันกับความจริงให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ คงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอนะ ถึงเเม้ จะผิดพลาดบ้างก็ตาม ล้มเหลวบ้าง คิดมากเกินความจำเป็น เราต้องมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราอยู่ปัจจุบันจะทำให้ความจริงนั้นสะท้อนเ

มดกับความอดทน

มดถึงเเม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สุดเท่าที่ตามนุษย์จะเห็นได้ เเต่มดนั้นก็ทำให้มุนษย์บางคนเกิดความสนใจเเละอยากเรียนรู้เรื่องของมดมากขึ้น จะว่าไปแล้วมดนี่ก็เป็นสัตว์สังคมประเภทหนึ่งเพราะมดชอบทำกันเป็นทีม โดยการตามกลิ่นของมดเเต่ละตัว เเน่นอนว่ามดพวกนี้มีสัมผัสการดมกลิ่นที่ดีกว่ามุนษย์ถึง 3 เท่า ไม่เเปลกขนาดทำนำ้ตาลหกในพื้นที่ไกลจากรังของมดมดก็ยังได้กลิ่น ว่าด้วยความอดทนเเละเเข็งเเรง ใครจะไปคิดว่ามดตัวน้อยๆที่เราเห็น เเข็งเเรงเเละอดทนมา ต่อให้อยู่ในนำ้มดก็ยังว่ายนำ้ได้ ทนได้กับสภาพอากาศเป็นอย่างดี สามารถยกของที่หนักกว่าตัวมันได้หลายเท่า ว่าด้วยความการเป็นหนึ่งเดียวกัน มดเป็นสัตว์ที่รวดเร็วนะ ชอบอยู่กับเป็นฝูงเเละทำงานเป็นทีม บางตัวถึงขนาดยอมตายเพื่อนางพญาในรังมด สร้างรังที่ซับซ้อนได้อีก ว่าด้วยหน้าที่ของมด มดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้โลกของเราสะอาดขึ้น เเละช่วยควบคุมระบบนิเวศในธรรมชาติให้เกิดสมดุลได้ด้วย มีประโยชน์ต่อพืชเเละต้นไม้ด้วย จะเห็นได้ว่ามดนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดี ผมว่าถ้ามดฉลาดกว่าที่มันเป็นอยู่ในปัจจุบัน ผมว่านะมดจะเป็นคู่เเข่งมนุษย์ที่น่ากลัวอีกประเภทหนึ่งเลยล่ะ คนเ

เสรีภาพกับการใช้ชีวิต

เสรีภาพ นั้นมีอยู่หลากหลายรูปเเบบ เช่น เสรีภาพทางความคิด เสรีภาพทางอหาร เสรีภาพทางการสื่อสาร เสรีภาพการพิมพ์เเละการเเสดงออกทางความคิดเห็น เสรีภาพนั้นอาจจะมีความหมายรวมๆ ได้หมายถึงอิสระ ที่ไร้กฏเเละข้อบังคับที่มาควบคุมเราไม่ว่าทางตรง ทางอ้อนก็ตาม การใช้ชีวิต หมายถึง การที่คนเราเลือกทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตื่นนอน การดูทีวี การดื่มนำ้ การรับประทานอาหาร การเดินเที่ยว การไปเรียน หรือสิ่งใดๆก็ตามที่เราเคลื่อนไหว เสรีภาพกับการใช้ชีวิต  จริงๆแล้วควรจะเป็นของที่คู่กัน เพราะการใช้ชีวิตนั้นจำเป็นต้องมีเสรีภาพเข้ามาเกี่ยวด้วย เช่นถ้าคุณอยากจะไปห้างสรรพสินค้าสักเเห่งเเต่เเม่คุณบอกว่าการที่จะไปห้างนั้นจำเป็นต้องมีเงินเสียก่อนถ้าไปเเบบไม่มีเงินก็ไม่ควรไปดีกว่า หรือการที่คุณต้องการจองโต๊ะที่ร้านอาหารเเห่งหนึ่ง เเต่โต๊ะนั้นมีคนที่รวยกว่าคุณจองไว้อยู่แล้ว เป็นต้น Thanks for reading This article is Thai Please Use Google Translate for Read English